ฟูมฟาย
ฟูมฟายไปเถอะกวีหนุ่ม
บอกเล่าความรู้สึกจากภายใน
แล้วอ่านออกเสียงให้ตัวเองฟัง
ในห้องหับที่คับแคบ
คงพอมีที่ว่างสำหรับแปะบทกวี
เช้าสายบ่ายค่ำเขียนแล้วเขียนอีก
เช้าสายบ่ายค่ำอ่านซ้ำแล้วซ้ำเล่า
สุข, ก็เสพซึ้งอยู่ผู้เดียว
เศร้า, ก็ซึมโศกอยู่โดดเดี่ยว
ฟูมฟายต่อไปเถอะกวีหนุ่ม
ไม่มีใครได้ยินหรอกฯ
*********************
โดย พันธุ์ปกรณ์ พงศารม
จุดประกายวรรณกรรม
อาทิตย์ที่ 18 พ.ย. 50
ฟายฟูม
ฟายฟูมจนแก้มอูมอวบเต่ง
อมอุ้มไว้ด้วยอารมณ์ถวิลจักสำแดง
เป็นบทกวีผัสสะจินตนะจำแลง
รัดร้อยร่องรอยอักษรสเสพ..นฤมิต
ผนังห้องจดขอบมหรรณจักรา
มองฝ้าสุดฟ้าอักขรกรรมประสิทธิ์
เวลาเลื่อมเงาเนาว์นิ่งในพินิจ
คืนเนิ่นเนิบค่ำซ้ำซ้ำซ้ำ..ซ้ำเป็นนิรันดร์
ก็แล้วต้องให้ใครได้ยินกันเล่า?
อุโฆษสัจธรรมหล้าเอมหฤหรร
ชลาลัยหลั่งธารอุทกทันธ์
ใช่เคยถามศิลาโขดคำ..สดับข้าฤาไฉน?
ฟูมฟายไม่ใคร่ได้เป็น
แต่ฟุ่มเฟือยนเห็นได้ี่บ่อยครั้ง
จนบิดามารดา
พร่ำเอ่ย..
ฟุ่มเฟือยต่อไปเถิดลูกรัก
ภายหน้าเจ้าจัก..อดตาย..เป็นแน่
แหม อ่านยังไม่ทันจบคิดไปล่วงหน้าว่าการฟุ่มเฟือยเป็นสิ่งดี–
แต่บรรทัดสุดท้ายเล่นเอาขำไม่ออกเลย