ประทีป จิตติ

พูดด้วยการเขียน

ต้นร่างเรื่องไม่สั้น ๘. มิถุนายน 9, 2009

Filed under: ไม่มีหมวดหมู่ — ประทีป จิตติ @ 11:01
Tags: ,

IMGP1172

๘.เริงลม

 ตอนที่แล้ว

 

เรทำข้าวผัดมาฝาก  เรไรชูกล่องข้าวพลาสติกมีฝาปิดแน่นหนาให้ดูเมื่อประตูห้องเปิดรับ

            ลำบากเรเปล่า ๆ  ผมรับกล่องข้าวหลีกทางให้เธอเข้ามา  ปิดประตูแล้วเดินเข้าครัว วางกล่องข้าวลงโต๊ะกลมอะลูมิเนียม  เรไรเดินตามเข้ามาตรงไปที่อ่างล้างจาน เปิดน้ำล้างมือ

            เรมากวนภาณุหรือเปล่าจ๊ะ 

            เรไรชอบถามแบบนี้  ไม่กวนหรอก ว่าแต่ทำไมวันี้ปิดร้าน

            ปิดอะไรจ๊ะ วันนี้วันเสาร์พี่นกอยู่ร้านแทน ภาณุลืมวันลืมคืนแล้วหรือไง

            ผมส่งน้ำดื่มให้ เธอเหลือบมองเลยหลังผมไป  นาฬิกาถ่านหมดนะภาณุ

            ปล่อยไว้อย่างนั้นแหละเร อย่างน้อยมันก็ยังบอกเวลาเราได้ถูกสองครั้ง

            ตอนที่ภาณุรู้ว่ามันหยุดเดินคิดอย่างนั้นหรือเปล่า

            คิดสิ  จำได้นะว่าเรเคยบอกเราอย่างนี้  เรไรเงียบไป สีหน้ากำลังครุ่นคิดอะไรบางอย่างอยู่  เรอยากให้มันเดิน?

            ภาณุล่ะ?

            ผมส่ายหน้า  เรไรวางแก้วน้ำ  จะเที่ยงแล้วภาณุจะกินข้าวหรือยัง เรจะอุ่นให้

            ผมยิ้ม มองที่ข้อมือขวาเรไร จับยกขึ้นมองดูเวลา  เที่ยงอะไรกันนี่มันบ่ายโมงกว่าแล้ว

          เรไรยิ้ม หัวเราะกิ๊กเมื่อเห็นเวลาจากนาฬิกาข้อมือของตัว

 

เป็นยังไง  เรไรถามขณะที่ผมตั้งหน้าตั้งตาตักข้าวผัดของเธอเข้าปากเป็นคำที่สาม 

เรได้สูตรมาจากหนังสือเล่มนี้  วางหนังสือพ็อคเก็ตบุ๊คตรงหน้าผม ไม่ใช่ตำราหารอย่างที่คิด

นิยายรักฤดูร้อน  ผมวางช้อนส้อม หยิบหนังสือเปิดพลิกดูหน้าข้อมูลและคำนำ  เราว่าจะซื้ออยู่เหมือนกัน  เป็นยังไงบ้าง

ภาณุอ่านเองดีกว่า เรตั้งใจหยิบมาฝาก

เรอ่านแล้ว?

ยัง  ภาณุอ่านก่อนเถอะ

เล่านิดหนึ่งซี่  เรไรเม้มริมฝีปาก เลิกคิ้วส่ายหน้า  เอาแค่สูตรข้าวผัดนี่ก็ได้

 

 

ฝนเทกระหน่ำลงมาหลังจากฟ้ามืดครึ้มอยู่เป็นชั่วโมง  ฝนตกหนักอย่างนี้ผมนึกถึงพ่อค้าแม่ค้าหาบเร่แผงลอยคงขายของไม่ได้มาก  รายได้วันต่อวันคงลดลง ไม่มีความแน่นอน  ร้านหนังสือของเรไรก็เช่นกัน ลูกค้าชาวต่างชาติคงเก็บตัวอยู่แต่ในห้องพัก ไม่ก็ร้านกาแฟมองดูสายฝน ทอดอารมณ์คิดอะไรต่อมิอะไรไปเรื่อยเปื่อยเหมือนผม เหมือนเรไร

            เรไรชอบมองสายฝน   เธอบอกขณะนั่งกอดเข้า สายตาเหม่อมองไปที่แม่น้ำ  ม่านฝนเส้นเล็ก ๆ บาง ๆ ส่ายพริ้วไปมา เหมือนกำลังเต้นระบำระเริงลม

            ผมนั่งมองดูเบื้องหลังของเรไร  มือขวาจับดินสอบันทึกคำพูดของเธอ  ในห้องมืดสลัวมีเพียงแสงรำไรที่บานประตูกระจกกั้นระหว่างระเบียงกับห้องพักร่างของเรไรทาบทับเป็นเงามืด โอนเอนไปมา ฮึมฮัมเพลงแผ่วเบา  ฟ้าแลบปลาบเป็นสาย เรไรยกมือปิดหูก้มหน้าซบหัวเข่า  ผมหัวเราะเบา ๆ แต่เธอก็ยังอุตส่าห์ได้ยิน หันมามองค้อนแล้วเปลี่ยนเป็นยิ้มขวยเขิน

            เรชอบมองดูสายฝน แต่ไม่ชอบเสียงของสายฟ้า  ผมพูดเย้า    เมื่อกี้เรร้องเพลง?

            ไม่ใช่เพลง มันเป็นเสียงจากจิตใจของเรต่างหากจ้ะภาณุ

            ถ้าใส่ตัวโน้ต เนื้อร้อง เรจะให้ชื่อว่าอะไร?

            ภาณุว่ายังไงล่ะจ๊ะ

            บทเพลงของเรไร

            ยังไม่สื่อถึงอะไรเลย

            เรว่าไงล่ะ?

            เริงลมฝน…

            เต้นระบำระเริงลมฝน

            ใช่จ้ะ  ระเริงลมฝน

            ผมบันทึกชื่อเพลงของเรไรลงสมุด  เธอฮัมเสียงจากจิตใจของเธออีกครั้ง โอนเอนตัวไปมา  ผมบันทึกต่อท้ายลงไปอีก…นอกจากดวงจันทร์แล้ว สายฝนก็สามารถบันดาลใจให้มนุษย์คิดค้นบทเพลงขึ้นมาได้เช่นกัน, ลุกขึ้นเดินไปนั่งข้างเรไร เพื่อจะได้ยินท่วงทำนองที่กลั่นออกมาจากใจของเธอ

            ภาณุคิดถึงอะไรเวลามองสายฝน

            เรื่อยเปื่อยน่ะเร บางครั้งเหมือนไม่ได้คิดอะไร เหมือนทุกอย่างในหัวมันนิ่งงัน

            รู้สึกสงบใช่ไหม

            สงบ?… ใช่ มันสงบบ้างกว่าร้อนรน

            จริงแล้วเราควรสงบ แต่บางคนกลับร้อนรน ไม่ว่าจะเป็นใครทำอะไรก็ตามอย่างน้อยถ้าเราคิดได้ว่าไม่สามารถห้ามฟ้าห้ามฝนได้ เราควรจะยินดี ควรมองสายฝนด้วยความสงบ  คิดเสียว่าเดี๋ยวก็หยุด มันเป็นแค่ธรรมดาของโลกเท่านั้นเอง

            ผมเห็นด้วยกับความคิดของเรไร แต่ก็มองอีกมุมว่า ชีวิตคนแต่ละคนไม่เหมือนกัน  บางคนมีปัจจัยแวดล้อมหลายอย่างล้อมกรอบบีบรัดตัวทำให้ไม่สามารถจะมานั่งชื่นชมสายฝนสายลมแสงแดดอย่าผมอย่างเธอได้

            เป็นแค่ความคิดของเรเท่านั้นหรอกนะ  เรไปพูดไปบอกใครให้คิดเหมือนไม่ได้หรอก

            เรอยากให้ทุกคนมีความสุข ถ้าทุกคนคิดอย่างเรได้ก็เป็นสิ่งที่ดี

            ฟ้าแลบปลาบเป็นสายเหนืออาคารริมแม่น้ำฝั่ง เรไรผวากอดแขนผมแน่น  ผมรู้สึกร้อนผ่าวไปทั้งร่าง กลิ่นหอมจากเส้นผมของเธอก่อให้เกิดความรัญจวน แต่ก็แค่เสี้ยววินาที ไม่ต่างจากแสงสายฟ้า

            เร  ผมเรียก เธอยังคงกอดแขนผมแน่น  เร…

          ไม่มีเสียงขานรับ มีแต่เสียงจากจิตใจของเธอ, ไม่ใช่ท่วงทำนองของเริงลมฝน

 

 

ฟ้าแลบเป็นสายเหมือนรากไม้มีเส้นตรงใหญ่เหมือนรากแก้ว แตกแขนงแยกออกเหมือนรากฝอย ตามด้วยเสียงกัมปนาทปลุกผมให้ตื่นจากภวังค์ มองดูเบาะนั่งที่เรไรเคยนั่ง

            ว่างเปล่า…

            ผมเปิดสุมดบันทึกจดสูตรข้าวผัดของเรไรที่ได้จาก (นิยายรัก) ฤดูร้อน  ดัดแปลงให้เข้ากับวัตถุดิบที่มี…คลุกข้าวกับน้ำมันมะกอก กระเทียม โรสแมรี ไธม์ ซอสแม็กกี้ เกลือป่น พริกไทยดำป่น  ตั้งกะทะผัดหมูสับ แครอทหั่นเป็นสี่เหลี่ยมลูกเต๋า บร็อคโคลีผัดนผักเริ่มสุก หรี่ไฟ ใส่ข้าวลงไปคลุกให้เข้ากัน…ผมล้อมกรอบที่มุมบนด้านขวาของหน้ากระดาษ…ทอดไข่ก่อน ตอกลงไปเกลี่ยไข่แดงให้ทั่ว พอใกล้สุกตัดเป็นชิ้น ๆ แล้วค่อยโยนหมูลงไปผัด, ปิดสมุด นั่งมองสายฝนเริงระบำ

หูแว่วได้ยินเสียงจากใจที่ยังไม่มีชื่อของเรไร

 

อ่านตอนต่อไป.

IMGP1442 

                       

 

 

 

           

           

 

1 Responses to “ต้นร่างเรื่องไม่สั้น ๘.”

  1. ต้นร่างตอนนี้ สำรวจดูแล้วยังมีคำผิด ตกหล่นอยู่หลายแห่ง ต้องกราบขออภัยเป็นอย่างยิ่ง เนื่องจากเครื่องคอมพ์พังเมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา

    ขณะโพสต์นี้ ต้องย้ายตูดมาโพสต์ที่สำนักงาน อันนำพาความไม่สะดวกทั้งสิ้น…

    ด้วยมิตรภาพครับ.


ใส่ความเห็น